หนึ่งในสิ่งที่บริษัทต่าง ๆ ไม่แน่ใจว่าจะพัฒนา Application ผ่าน Platform AppSheet หรือไม่นั้นคือความกังวลว่า “AppSheet สามารถทำ Feature XXX ได้หรือไม่ ?”
เพราะขึ้นชื่อว่า AppSheet ที่เป็น Low Code Development Platform นั้นคือการชูโรงเรื่องความง่ายในการพัฒนา Application แต่ไม่ได้หมายความว่า AppSheet จะมาทดแทนการเขียนโปรแกรมแบบเดิมได้ทั้งหมด
หลาย ๆ ครั้ง เราพบว่าฟีเจอร์บางฟีเจอร์อาจจะไม่รองรับหรือไม่สามารถทำได้ใน AppSheet ทำให้สุดท้ายแล้ว หลายบริษัทต้องกลับไปจ้างนักพัฒนาเพื่อมาทำซอฟแวร์ตัวนั้น จากการที่จะประหยัดทั้งเวลา และเงิน กลายเป็นการเสียทั้งเวลา และเงิน
ดังนั้นเพื่อลดความกังวลตรงนี้ และเพิ่มความมั่นใจในการเลือกใช้ Platform AppSheet มากขึ้น เราจึงรวบรวมคำถาม คำตอบที่หลายคนสงสัย โดยรวบรวมบางส่วนมาจาก AppSheet FAQ และจากการคุยกับผู้เข้าร่วมอบรม AppSheet กับเรา
สนใจให้ทีม Datayolk ทำ / แก้ไข AppSheet ให้ ?
ด้วยประสบการณ์การทำ Application ด้วย AppSheet กว่า 3 ปี
เราสามารถช่วยให้คุณมี Application ไว้ใช้ได้ในต้นทุนที่ต่ำ
คำถามเกี่ยวกับตัว Platform AppSheet
สำหรับผู้สนใจทั่วไป ที่อยากลองเอา AppSheet ไปใช้ในองค์กรตัวเอง
สรุปแล้ว AppSheet ไม่ต้องเขียนโค้ดเลยจริงมั้ย ?
AppSheet สามารถพัฒนา Application โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเลยก็ได้ เราสามารถใช้สิ่งที่ AppSheet ให้มาแล้วในการสร้าง Application จริง ๆ ได้ เพียงแต่การเขียนโค้ดง่าย ๆ บางอย่างจะช่วยให้เราพัฒนา Application ได้เร็วกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่าเท่านั้นเอง
ลองนึกภาพว่า ถ้าเราอยาก Application ที่อัปโหลดภาพสินค้าเข้าไปในระบบ ถ้าเราไม่อยากเขียนโค้ดเลย เราอาจจะต้องอัปโหลดภาพทีละภาพ กรอกข้อมูลทีละ แต่ถ้าเราเขียนโค้ดได้ (ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะการก็อปปี้สูตรมาใช้ เหมือนที่เราก็อปปี้สูตรใน Excel) เราจะสามารถอัปโหลดภาพได้ทีละหลายภาพ ในทีเดียว
ทั้งนี้ AppSheet ยังมีเครื่องมือช่วยอย่าง AppSheet Toolbox ที่ช่วยแนะนำสูตรที่ต้องใช้ให้เรา ซึ่งโค้ดใน AppSheet ส่วนใหญ่จะเป็นการเขียนโค้ดสั้น ๆ ประมาณ 1 – 2 บรรทัดเท่านั้นเอง หากอยากเห็นว่าโค้ดใน AppSheet หน้าตาเป็นยังไง เข้าไปดูได้ที่ AppSheet function list
อยากทำ App แบบนี้ AppSheet ทำได้มั้ย ?
ในส่วนนี้ แม้เราจะยังไม่คุ้นเคยกับ AppSheet มากนัก เราสามารถเริ่มหาคำตอบเองเบื้องต้นได้ ผ่านการค้นหา Application ที่มีฟีเจอร์คล้าย ๆ กันใน App Templates แต่ไม่จำเป็นว่าในตัว App Templates ต้องมีทุกฟีเจอร์ที่เราต้องการ แต่แค่ให้มั่นใจได้ว่ามันมีวิธีทำแบบนี้
ข้อดีของ App Templates คือเราสามารถไปดูโครงสร้างข้อมูล และวิธีการตั้งค่าข้างในเหมือนเป็นคนสร้าง App ขึ้นมาเองเลย
เรียนรู้การทำ AppSheet ได้ที่ไหน ?
สำหรับผู้เริ่มต้น เราแนะนำให้เรียนรู้จาก AppSheet Official YouTube Channel หรือใครชอบอ่านก็สามารถอ่าน Guidebook “How to create an app” แต่ถ้าต้องการฝึกใช้ AppSheet อย่างจริงจังเพื่อเอาไปทำเป็นอาชีพ ก็สามารถเรียนผ่าน Building No-Code Apps with AppSheet: Foundations (ได้ Certificate) หรือแพลตฟอร์มอย่าง Udemy, Coursera เช่น Create Business Applications with AppSheet, AppSheet Training, Building No-Code Apps with AppSheet: Foundations
สำหรับผู้ที่สนใจเรียนเพื่อนำไปปรับใช้ในองค์กร หรือต้องการส่งพนักงานมาอบรมกับเรา เรามีบริการจัดอบรม AppSheet สุดพิเศษ รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านต่อได้ที่นี่ หรือเรียนคอร์สออนไลน์กับเราที่นี่
AppSheet เก็บข้อมูลใน Application ของเราไว้หรือไม่ ?
AppSheet ไม่ได้เก็บข้อมูลใน Application ของเราไว้ เพราะ AppSheet เป็นเพียง Platform กลางเพื่อดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลของคุณมาแสดงผลเท่านั้น ดังนั้นความปลอดภัยของข้อมูลจริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับว่าคุณเก็บข้อมูลไว้ที่ไหนมากกว่า
เพียงแต่ AppSheet มีเก็บ Audit log ไว้เผื่อให้คุณเข้าไปติดตามการใช้งาน Application ของคุณได้ง่าย ซึ่งคุณสามารถปิดฟีเจอร์นี้ได้
AppSheet เริ่มต้นใช้งานได้ฟรี ทำอะไรได้ และทำอะไรไม่ได้บ้าง ?
AppSheet Free Plan สามารถใช้เพื่อพัฒนา และทดสอบกับกลุ่มผู้ใช้ได้ฟรี โดยไม่มีการลดทอนฟีเจอร์หลักแต่อย่างไร แต่บางฟีเจอร์ที่จะจำกัดให้ใช้ได้เฉพาะเมื่อจ่ายเงินค่า subscription ที่รู้ไว้คือ
- สามารถเชิญผู้ใช้งาน (1 ผู้ใช้งาน 1 อีเมล จะใช้กี่เครื่องก็ได้ ก็ยังนับเป็น 1 ผู้ใช้งาน) ได้มากสุดแค่ 10 ผู้ใช้ ซึ่งรวมตัวผู้พัฒนา Application ไปด้วย (เชิญได้จริง ๆ แค่ 9 ผู้ใช้)
- หากใช้งานแบบ Guest mode (ไม่เปิดใช้ระบบล็อคอิน) จะใช้ได้เพียงแค่ 10 เครื่องเท่านั้น
- AppSheet ส่วน Automation จะตั้งค่าให้ส่งอีเมลไปหาได้แค่ App Owner เท่านั้น
- AppSheet ส่วน Automation จะตั้งค่าให้ส่ง Push Notification (Mobile Notification) ไปหาได้แค่ App Owner เท่านั้น
- AppSheet ส่วน Automation จะตั้งเวลาแบบ Schedule ให้โปรแกรมทำงานไม่ได้ เช่นให้ส่งอีเมลทุก ๆ 7 โมงเช้า
- ไม่สามารถเผยแพร่ AppSheet App ของตัวเองบน App Store, Play Store ในรูปแบบ White Label App (App ที่ไม่มีโลโก้ AppSheet ใด ๆ)
AppSheet Stater Plan ทำอะไรได้บ้าง ?
ทำได้เหมือน AppSheet Free Plan แต่เมื่อ Deploy App และ Subscribe Starter Plan (ราคา 5$ ต่อผู้ใช้งานต่อเดือน) แล้วจะได้ฟีเจอร์เพิ่มดังนี้
- สามารถส่ง Email และ Push Notification แบบรายบุคคลได้แล้ว (ตอนทำใน Free Plan จะส่งให้เฉพาะผู้สร้าง App เท่านั้น)
- สามารถทำ App Versioning ได้
AppSheet Core Plan ทำอะไรได้บ้าง ?
ทำได้เหมือน AppSheet Starter Plan แต่เมื่อ Deploy App และ Subscribe Core Plan (ราคา 10$ ต่อผู้ใช้งานต่อเดือน) แล้วจะได้ฟีเจอร์เพิ่มดังนี้
- สามารถใช้ Bot แบบตั้งวันที่ และเวลาได้ เช่นส่งอีเมลทุก ๆ 7 โมงเช้า
- รองรับการ Export AppSheet ให้เป็น White Label App ที่สามารถอัปโหลดขึ้น AppStore / PlayStore ได้แล้ว
- สามารถใช้ Barcode และ NFC Scan ได้เต็มรูปแบบ
AppSheet Enterprise Plan ทำอะไรได้บ้าง ?
ทำได้เหมือน AppSheet Core Plan แต่เมื่อ Deploy App และ Subscribe Enterprise Plan (ติดต่อ Sale) แล้วจะได้ฟีเจอร์เพิ่มดังนี้
- การประมวลผล และบันทึกข้อมูลใน AppSheet จะเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- สามารถบริหารจัดการ Team ได้เช่น ใครสามารถสร้าง Application ได้บ้าง
- สามารถใช้ AppSheet API เพื่อส่งข้อมูล หรือรับข้อมูลจาก API ของ AppSheet โดยเฉพาะ
- สามารถขอ Priority Support จาก AppSheet ได้โดยตรง
เมื่อใช้ Google Workspace อยู่แล้ว สามารถใช้ AppSheet Core Plan ได้ฟรี !
ในกรณีที่บริษัทใช้ Google Workspace อยู่แล้ว ตัว AppSheet จะแถม License AppSheet Core Plan มาให้ใช้ได้ฟรี
Category | Editions |
---|---|
Business | – Google Workspace Business Starter – Google Workspace Business Standard – Google Workspace Business Plus |
Enterprise | – Google Workspace Enterprise Starter – Google Workspace Enterprise Standard – Google Workspace Enterprise Plus |
Education | – Google Workspace for Education Standard – Google Workspace for Education Plus |
Essentials | – Google Workspace Enterprise Essentials Plus |
Frontline | – Google Workspace Frontline Starter – Google Workspace Frontline Standard |
Non-profit | – Google Workspace for Nonprofits |
รายละเอียด Google Workspace ที่แถม AppSheet มาให้
สนใจเรียน AppSheet กับเรา ?
ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้ AppSheet ด้วยตัวเอง เพียงแค่เรียนคอร์ส AppSheet Intensive Course ผ่าน Facebook Group กับเรา พร้อมให้คำปรึกษาหลังเรียน
คำถามเชิงเทคนิคเกี่ยวกับ AppSheet
สำหรับแผนก IT ในบริษัท หรือโปรแกรมเมอร์ที่อยากใช้ AppSheet มาลดงานการเขียนโปรแกรมตัวเอง ส่วนนี้จะเป็นรายละเอียดเชิงเทคนิค
AppSheet ใช้งานผ่านอุปกรณ์ไหนได้บ้าง ?
AppSheet สามารถใช้งานผ่าน Web browser อย่าง Chrome, Safari, Microsoft Edge, IE (version 10 ขึ้นไป) ได้ โดยสำหรับบางอุปกรณ์เช่น Smart Phone หรือ Tablet ผู้ใช้งานสามารถโหลดโปรแกรม AppSheet App ผ่าน App Store (สำหรับ iOS version 8 ขึ้นไป) และ Play Store (สำหรับ Android version 4.3 ขึ้นไป)
AppSheet เชื่อมต่อฐานข้อมูลอะไรได้อีกบ้างนอกจาก Google Sheet ?
นอกจาก AppSheet จะใช้ Google Sheet เป็นฐานข้อมูลได้แล้ว ตัว AppSheet ยังสามารถเชื่อมต่อฐานข้อมูลอื่น (สามารถใช้ได้ใน Free Plan ทั้งหมด) ได้อีกดังนี้
กลุ่ม Spreadsheets
- Google Sheets วิธีการเชื่อมต่อ
- Microsoft Excel (Office 365 and SharePoint) วิธีการเชื่อมต่อ
กลุ่ม Databases
- AWS DynamoDB วิธีการเชื่อมต่อ
- Google BigQuery วิธีการเชื่อมต่อ
- MariaDB วิธีการเชื่อมต่อ
- MySQL วิธีการเชื่อมต่อ
- On-premises database วิธีการเชื่อมต่อ
- Oracle วิธีการเชื่อมต่อ
- PostgreSQL วิธีการเชื่อมต่อ
- SQL Server วิธีการเชื่อมต่อ
อื่น ๆ (AppSheet สามารถดึงข้อมูลมาใช้สร้าง App ได้)
- Airtable วิธีการเชื่อมต่อ
- Apigee วิธีการเชื่อมต่อ
- Box
- Data Studio วิธีการเชื่อมต่อ
- Dropbox
- Google Calendar วิธีการเชื่อมต่อ
- Google Drive วิธีการเชื่อมต่อ
- Google Forms วิธีการเชื่อมต่อ
- OData / SAP วิธีการเชื่อมต่อ
- Salesforce วิธีการเชื่อมต่อ
- Smartsheet วิธีการเชื่อมต่อ
อัพเดตล่าสุด ตอนนี้เราสามารถสร้าง AppSheet Database คือ Google Sheet ที่สร้างจาก AppSheet โดยตรงได้เลย (เป็นฟีเจอร์ทดลอง ยังไม่แนะนำให้ใช้จริง)
AppSheet มีฟีเจอร์ที่เชื่อมต่อการทำงานกับแอปพลิเคชั่น หรือโปรแกรมอื่นยังไง ?
AppSheet รองรับการเชื่อมต่อการทำงานกับแอปพลิเคชั่นอื่นใน 2 รูปแบบได้แก่
Inbound Integration บันทึกข้อมูลเข้า AppSheet จาก Application อื่น
การสั่งการจาก Application อื่นให้เข้ามาทำสิ่งเหล่านี้ใน AppSheet ได้แก่
- บันทึกข้อมูล
- ลบข้อมูล
- อัพเดตข้อมูล
- อ่านข้อมูล
โดยจะทำผ่าน Application กลางที่ชื่อ Zapier ที่ทำหน้าเชื่อมต่อ 2 Application เข้าด้วยกัน อ่านวิธีการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่ AppSheet Integrations | Connect Your Apps with Zapier และ Connect a Zapier “ZAP” to Your App
โดย ฟีเจอร์ AppSheet API จะรองรับสำหรับผู้ใช้แบบที่ใช้ Enterprise Plan เท่านั้น
รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านต่อได้ที่ Use the AppSheet API
Outbound Integration สั่งการใน AppSheet เพื่อส่งต่อไป Application อื่นอีกที
การสั่งการให้ AppSheet ไปทำงานร่วมกับ Application อื่นอีกที เราจะเห็นตัวอย่างได้จากการ
- ให้ AppSheet สร้าง Google Calendar ให้
- ให้ AppSheet แจ้งเตือนผ่าน Line Notify
- ให้ AppSheet แจ้งเตือนผ่าน Slack Notification
- ให้ AppSheet บันทึกข้อมูลจาก AppSheet ตัวแรก ไปสู่ตัวที่สอง
โดยฟีเจอร์ Outbound Integration สามารถทำได้ผ่าน
- Call a Script รายละเอียดเพิ่มเติม
- Call a Webhook รายละเอียดเพิ่มเติม
- ทำผ่าน Application กลางที่ชื่อ Zapier ที่ทำหน้าเชื่อมต่อ 2 Application เข้าด้วยกัน
ข้อจำกัดในเชิงเทคนิคของ AppSheet มีอะไรบ้าง ?
AppSheet มีข้อจำกัดในการจัดการข้อมูลต่อ 1 Application ดังนี้
- 1 Application ควรเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลไม่เกิน 10 – 30 Table (ยิ่งมีมาก ยิ่งส่งผลให้ Application ของเราทำงานได้ช้าลง)
- 1 Application ควรสร้าง View / Screen ไม่เกิน 10 – 30 Screen
- สำหรับคนที่ใช้ Google Sheet เป็นฐานข้อมูล คุณสามารถบันทึกข้อมูลได้สูงสุดแค่ 10 ล้านเซลล์ / ช่อง โดขมี Table ได้สูงสุด 200 Table
โดยทางเลือกที่ดีที่สุด คือการทำ 1 Application ต่อ 1 Feature การใช้งานเท่านั้น ไม่ควรทำเป็น Super App ที่ 1 Application มีหลายสิบฟีเจอร์การใช้งาน
และนี่ก็คือคำถามที่หลายคนมักถามบ่อยเกี่ยวกับ Platform AppSheet หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AppSheet โปรดติดต่อเรา
รู้หรือไม่
AppSheet มีกลุ่มผู้พัฒนาคนไทยใน Facebook Group แล้วนะ หากคุณผู้อ่านพัฒนา AppSheet แล้วติดปัญหา สามารถสอบถามในกลุ่ม แชร์ความรู้การใช้งาน AppSheet by Datayolk.net ซึ่งเป็นกลุ่มที่รวบรวมนักพัฒนา AppSheet ในเมืองไทยเพื่อสอบถามปัญหาเกี่ยวกับการใช้งาน AppSheet และแบ่งปันเทคนิคในการสร้างแอปพลิเคชั่น
แหล่งอ้างอิง